วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กำลังใจสำคัญที่สุด

  กำลังใจสำคัญที่สุด












        ผู้เขียนคิดว่าทุกคนคงเคยประสบกับปัญหาต่างๆกันทุกคน ทั้งเรื่อง ความรัก การเรียน งาน ครอบครัว และอื่นๆอีกมากมาย ที่ล้วนแล้วจะประสบพบเจอ ซึ่งบางคนต้องแบกภาระดูแลคนอีกหลายคนเพื่อให้เขาเหล่านั้นมีชีวิตรอด จริงๆแล้วการมีชีวิตอยู่ของคนเรามีอยู่แค่เพียงไม่กี่อย่างคือ การรักษาชีวิตตัวเองให้อยู่รอด ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์ พืช และสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ล้วนแล้วแต่อยากมีชีวิตรอดกันทั้งนั้น เมื่อเราต้องการรักษาชีวิตตัวเองให้อยู่รอด ในบางครั้งมันอาจจะทำให้เราต้องแย่ชิง หรือเบียดเบียนผู้อื่น ซึ่งจะเรียกว่า สัญชาตญาณความเอาตัวรอดก็ได้ในโลกเรามีคนอีกจำนวนมากที่มีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก ต้องหาเช้ากินค่ำ หรือตกเป็นเบี้ยล่างของสังคม ในสังคมนี้ชั่งไม่มีอะไรที่ยุติธรรมเลย คนจนก็จนจะตาย คนรวยก็รวยกันเข้าไป ยิ่งมีโอกาสที่จะแสวงหาผลประโยชน์มากเท่าใด ก็ยิ่งกอบโกยกันมากเท่านั้น จึงเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำขึ้นในสังคมมากขึ้น





           ปัญหาที่คนยากจนต้องพบเจออยู่โดยที่จะเหลี้ยงไม่ได้เลยคือเรื่อง หนี้สิน เขาเหล่านั้นปฎิเสธม่ได้เลยว่าที่จะไม่เจอมัน ผู้เขียนเองยอมรับเลยว่าฟังคำนี้ทีไรแล้วรู้สึกหดหู่ และเศร้าทุกครั้งไป ตัวผู้เขียนเองก็ไม่ได้มีฐานะ ที่ร่ำรวย จึงเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นดี ในบางครั้งที่คิดถึงวันข้างหน้า และอุปสรรค์ที่ต้อง กับการต่อสู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุดกับสังคมนี้ มันทำให้ผู้เขียนเองถึงกับนั่งร้องไห้ออกมา   เพราบางครั้งรู้สึกเหนื่อย ท้อ ไม่รู้ว่าจะมีกำลังต่อสู้ไปถึงวันไหน การที่เราร้องไห้ไม่ได้หมายความว่าเราแพ้ หรือหมดสิ้นทุกสิ่งอย่างแล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่เคยท้อกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่ที่วาใครจะถอยหรือเดินหน้าไปต่อ ซึ่งการถอยหลังกลับเป็นสิ่งที่ผู้เขียนไม่เคยิดอยากจะทำ เพราะผู้เขียนชื่อว่าคนที่กำหนดชีวิตเราได้ก็คือตัวเรา เมื่อเรากล้าที่จะฝันเราก็กล้าที่

จะทำตามฝันของเรา แต่ถ้าคุณเอาความไม่สมบูรณ์มาเป็นข้ออ้างหรือมาเป็นอุปสรรค์ที่ขัดขวางความฝัน เช่น พ่อแม่เลิกกัน ทำให้คุณกลายเป็นเด็กที่ปัญหา ผู้เขียนบอกได้เลยว่าคุณกำลังคิดผิด เพราะมันจะทำให้คุณเสียอนาคตโดยเปล่า ตัวผู้เขียนเองก็มีแต่พ่อ แม่ของผู้เขียนเสียไปตั้งแต่ตัวผู้เขียนมีอายุได้เพียง 3 ขวบ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผู้เขียนท้อแต่อย่างใด มันกับทำให้ผู้เขียนมีแรงสู้ และแข้งแกร่งมากขึ้น เพราะผู้เขียนคิดเสมอว่า การที่เราไม่ได้มีความสมบูรณ์ทางครอบครัวหเหมือนคนอื่น เรายิ่งต้องเข้มแข็งและเอาชนะคำดูถูกต่างๆ ที่เขาเหล่านั้นดูถูกเราว่าเราไม่สามารทำได้ เราต้องทำให้เขาเหล่านั้นที่เคยดูถูกเรายอมรับและศรัทธาในตัวเราให้ได้ นี่สิเป็นสื่งที่เราควรจะทำ และมันจะทำให้เราเกิดความภาคภูมิใจกับสิ่งที่เราได้ทำ



            หลายคนเมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็แก้ไขปัญหาเหล่านั้นด้วยการ ฆ่าตัวตาย นั่นไม่ใช่ทางออกสุดท้ายที่คุณควรจะทำ และมันก็ไม่ช่ทางออกที่ดีด้วย ผู้เขียนอยากให้คุณคิดว่า ถ้าคุณตายแล้วคุณจะไม่มีโอกาสที่จะกลับมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อีก ใช่อยู่ว่าถ้าคุณตายทุกอย่างก็จบ คุณจะไม่รับรู้เรื่องใดๆอีกต่อไป แต่คุณจะไม่คิดหน่อยหรือว่า คนที่อยู่ข้างหลังคุณพวกเขาเหล่านั้นจะมีชีวิตอยู่อย่างไร และจะต้องพบเจอกับปัญหาใดๆบ้าง และคนเหล่านั้นใช่คนที่คุณรักหรือไม่ คุณถึงกล้าที่จะทิ้งพวกเขาไป ถึงคุณจะช่วยเขาไม่ได้ทุกอย่าง แต่สิ่งที่คุณทำได้ดีเลยคือ การให้กำลังใจ เพราะมันจะทำให้เขารู้สึกดี และทำให้เขาอยากที่จะมีชีวิจอยู่บนโลกนี้ต่อไป ฉะนั้นถ้าคุณมีปัญหาใดสิ่งแรกที่คุณควรจะคิดถึงคือ ครอบครัว เพราะเขาเหล่านั้นคือคนที่จะรับฝังทุกปัญหา และร่วมแก้ไขปัญหาไปกับคุณจงอย่าลืมว่า     "ครอบครัวคือสิ่งที่คุณรัก และเขาเหล่านั้นก็รักคุณ"






       มีกลอนมาฝาก



           หนึ่งสมอง สองมือ ต้องไขว่คว้า              เมื่อมีปัญหา ขึ้นมา ต้องแก้ไข

เหนื่อยและท้อ ขอพักหน่อย ไม่เป็นไร            ให้มีแรง ลุกขึ้นใหม่ ได้อีกครา


           คนเราก็เป็น แบบนี้ กันทั้งนั้น           
มีสุขสันต์ โศกเศร้า เท่ากันแหละหนา

ความสำเร็จ แต่ละครั้ง กว่าจะได้มา      
ต้องแลกด้วย เหงื่อและน้ำตา แทบทุกคน

           ขอเป็นอีก หนึ่งแรงใจ ให้คนสู้          
ให้เธอรู้ ว่าเธอ ยังมีหวัง

ขอส่งแรงใจ ให้เธอ  มีแรงพลัง              
ไปยังฝั่งฝัน ที่เธอวาดหวัง และตั้งใจ








กลอนนี้อ้างอิงจาก  http://www.klonthai.com/666



ลิงก์พิ่มเติมที่น่าอ่าน http://my.dek-d.com/tawanhauhed/blog/?blog_id=10167779

วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สมองคน?สมองปลาทอง


คุณเคยมั้ยที่มักโดนว่าอยู่เป็นประจำว่า สมองปลาทอง



ปลาทอง (goldfish Curassius auratus) เป็นสมาชิกกลุ่มเล็กๆในวงปลาคาร์ป (carp) มีถิ่นกำเนิดอยู่เอเชียตะวันออก ปลาทองถือเป็นปลาหนึ่งในชนิดแรกๆ ที่มนุษย์นำมาเพาะเลี้ยง และยังคงเป็นหนึ่งในปลาสวยงามที่ทุกตู้ปลาจะต้องมี ปลาทองมีสายพันธุ์ทั้งหมดประมาณ 125 สายพันธ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการเฟ้นหาพ่อแม่ที่ดีที่สุดมาผสมพันธุ์กันได้ ปลาทองในปัจจุบันถูกผสมพันธุ์และเพาะเลี้ยงมาจากปลาคาร์ปสีดำ การนำปลาทองมาเลี้ยงครั้งแรกในสมัยราชวงค์ ซุง(sung) ของจีนเมื่อหลายพันปีก่อน และแพร่เข่าสู้
ยุโรปในช่วงปลายทศวรรษที่ 17



 นักวิทยาศาสตร์ที่ University of plymouht ประเทศอังกฤษ ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับความจำปลา (รวมถึงปลาทองด้วย) พบว่าปลามีช่วงความจำอย่างน้อย 3 เดือน และสามารถเรียนรู้ที่จะแยกความแตกต่างของรูปทรง สี เสียง ได้เช่นกัน พวกมันยังเรียนรู้ที่จะกดคันโยกเพื่อให้อาหารออกมาในเวลาที่แน่นอนอีกด้วยในแต่ละวันเวลาอีกด้วย นายโยอิชิ โอดะ (Yoichi Oda )ของมหาวิทยาลัยโอซากา (Osaka University) ใช้เวลาหลายปีเพื่อที่จะศึกษาพฤติกรรมของปลาอย่าละเอียด ซึ่งเขาพบว่าปลาทองมีความจำดี ในงานวิจัยเกี่ยวกับการเรียนรู้พฤติกรรมของปลาได้พิสูจน์ว่าปลาทองมีความจำไม่ดีไม่ใช่เรื่องจริง ปลาทองมีความจำที่ดีเลยทีเดียว เช่นกับการทดลองของนักศึกษาที่ Berlin University ในเรื่องการแยกความยาวคลื่นของปลา พบว่ามันมีความจำที่ดี และสามารถแยกความยาวคลื่นเสียง สีได้ นักวิทยาศาสตร์ชื่อ เอวา เชส (Ava Chase) สามารถสอนให้ปลาของเธอแยกความแตกต่างระหว่างเพลงคลาสสิก กับเพลงบูลส์ได้อีกด้วย ในรายการโทรทัศน์Myth Buster พวกเขาได้สอนให้ปลาทองว่ายน้ำผ่านเขาวงกต พบว่ามันใช้เวลาเร็วขึ้น แสดงว่ามันจำได้ว่าช่องไหนไปได้



สมองทำหน้าที่ควบคุมและสั่งการการเคลื่อนไหว, พฤติกรรม และรักษาสมดุลภายในร่างกาย (homeostasis) เช่น การเต้นของหัวใจ, ความดันโลหิต, สมดุลของเหลวในร่างกาย และอุณหภูมิ เป็นต้น หน้าที่ของสมองยังเกี่ยวข้องกับการรับรู้ (cognition) อารมณ์ ความจำ การเรียนรู้การเคลื่อนไหว และความสามารถอื่น ที่เกี่ยวกับการเรียนรู้





สาเหตุที่ใครหลายคนถูกเรียกว่า  " สมองปลาทอง "


เนื่องมาจากคนทั่วไปมองว่าปลาทองเป็นสัตว์ที่มีความจำสั้นมาก มักจะกลับมาทำสิ่งเดิมซ้ำๆทั้งมันก็พึ่งทำไปจึงเป็นสาเหตุให้ผู้คนคิดว่ามันมีความจำสั้น  จึงนำมาเปรียบเทียบกับคนที่ชอบมีนิสัย ขี้หลง  ขี้ลืม  จำอะไรไม่ค่อยได้ เช่นอาการมีคนเล่าเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้ฟัง ผ่านไปไม่นานก็กลับมาถามเค้าอีก ส่วนมากคำว่า สมองปลาทองจะเป็นคำที่เราใช้แย่ หรือ ประชด คนที่เรากำลังคุยด้วย เช่น เธอนี่มันสมองปลาทองเจริงจริ๊ง จำอะไรไม่เคยได้เลย




คำว่าสมองปลาทอง มีความแตกต่างกันมากกับคำว่า ความจำเสื่อม หรืออัลไซเมอร์ Alzheimer's disease หรือ AD ซึ่งโรคนี้เป็นโรคที่สมองสูญเสียความทรงจำ เกิดจากความเครียดเป็นสาเหตุหลัก และวัยที่สูงขึ้นโดยสมองเนื่องจากการตายของเซลล์สมอง และสร้างเซลล์ใหม่ไม่ทัน จึงเกิดโรคดังกล่าวขึ้น ซึ้งถ้าเป็นจะส่งผลให้ สูญเสียความทรงจำ บางรายอาจจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองชื่อว่าอะไร อยู่ที่ไหน จำคนรอบข้างไม่ได้ จึงควรหาวิธีป้องกันและรักษาเพื่อที่จะไม่ให้เกิดปัญหาที่รุนแรงขึ้น




วิธีป้องกันสมองปลาทอง & โรคอัลไซเมอร์


1)       กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและสมอง
2)       ออกกำลังกายร่างกาย
3)       ออกกำลังกายสมอง
4)       หลีกเหลี่ยงการเสพสารเสพติดทุกชนิด


ลิงก์เพิ่มเติม http://animals.spokedark.tv/2013/02/28/goldfish/#.UhuYP8UxpCY









การมีทรัพย์มากมายไม่สำคัญ……..ถ้าคุณไม่ได้อยู่ใช้มัน

อย่าลืมรักษาสุขภาพกันนะคะ










การฝังใจในอดีตสำคัญจริงหรอ?





       การฝังใจในอดีตสำคัญจริงหรอ? การฝังใจในอดีตของแต่ละคน มีความแตกต่างกันออกไปมากมาย ขึ้นอยู่กับหลากหลายสาเหตุที่ผู้คนจะตัดสินใจ อย่างใดอย่างหนึ่งลงไปนั่นคือ "การฝังใจ" มันเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจดังกล่าวดิฉันคิดว่าผู้คนเกือบ 99% ที่เคยทำอะไรที่ผิดพลาดหรือเคยเสียใจมาก่อนซึ่งมันจะทำให้ กลายเป็นความทรงจำที่เลวร้ายของเรา บางครั้งเราอาจจะไม่ได้พูดมันออกมาให้ใครฟัง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถลืมมันออกจากใจเราไปได้ บางครั้งเราอาจจะลืมมันบางส่วน แต่ถ้าวันหนึ่งเราได้ย้อนกลับมาที่เดิม วันเวลาเดิมๆ ภาพเหล่านั้นมันจะย้อนกลับมาย้ำเตือนความทรงจำเราอย่างแน่นอน ซึ่งมันจะทำให้เรารู้สึกกลัว รู้สึกปวดใจกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเหล่านั้น เช่นคนที่เคยโดนใครทิ้งมา มันจะทำให้เราเสียความมั่นใจ กลัวความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นอีก จึงไม่กล้าที่จะรักใครอีก กลายเป็นคนที่กลัวการเริ่มต้นใหม่ ทั้งที่บางทีการได้พบคนใหม่ๆรองเปิดใจยอมรับมันบ้าง มันอาจจะทำให้เราได้เจอสิ่งที่ดีกว่าเดิมก็ได้ การมีอดีตที่ฝังใจไม่ได้มีอยู่แค่เรื่องของความรักเท่านั้น แต่มันมีผลกับทุกด้าน เช่นคนที่กลัวความเร็ว ความสูง หรือแม้แต่กลัวสัตว์ต่างๆ บางทีคนเหล่านั้นอาจจะเคยมีความฝังใจที่เลวร้ายต่างๆเกี่ยวกับสิ่งที่เค้าเหล่านั้นกลัว เราจึงไม่สามารถเอาเราเป็นมาตรฐานวัดความกลัวของพวกเค้าเหล่านั้นได้ ว่าควรจะกลัวหรือไม่ ปัญหามันอยู่ที่ว่า เราจะสามารถจัดการกับความกลัวนั้นได้อย่างไร?




วิธีแก้ไขความกลัวและอดีตที่ฝังใจ   วิธีการดังกว่ามันอาจจะใช้ไม่ได้ผลเต็ม100% หรือได้กับทุกคนเสมอไปแต่เชื่อว่ามันจะทำให้สามารถก้าวผ่านจุดนั้นไม่น้อยเลยทีเดียว







  1. หาสาเหตุของความกลัวให้ได้
  2. เผชิญหน้ากับมัน
  3. อยู่กับมันให้ชิน

       

       หากคุณทำได้ทั้งสามข้อนี้ ความฝังใจ ความกลัวที่คุณเคยมีก็จะลดน้อยลง การฝังใจไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอไป มันยังส่งผลดีให้กับการลดความผิดพลาดและเราสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดให้ผ่านพ้นไป เหมือนกับวันหนึ่งที่เราเดินสะดุดก้อนหินมันอาจจะเจ็บเท้าในวันแรก แต่เชื่อว่าวันที่สองเราจะไม่มีทางเดินสะดุดก้อนหินก้อนนั้นอย่างแน่นอน


ลิงก์เพิ่มเติม http://women.kapook.com/view35433.html






 "คุณเชื่อหรือไม่? ถ้าเราไม่รู้จักความผิดพลาด เราก็จะไม่รู้จักความสำเร็จเหมือนกัน"